การใส่อาหารที่มีธาตุเหล็กเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเมื่อทารกหยุดให้นมแม่โดยเฉพาะและเริ่มให้อาหารเมื่ออายุได้ 6 เดือนปริมาณสำรองตามธรรมชาติของมันหมดลงดังนั้นเมื่อแนะนำการให้อาหารที่หลากหลายทารกต้องกินอาหาร:
- ถั่วแดงที่ปรุงสุก: 2.44 มก. Fe ต่ออาหาร 100 กรัมผักชีฝรั่ง: 3.1 mg Fe ต่ออาหาร 100 กรัมไข่แดงสุก: 4.85 mg Fe ต่อ 100 กรัมอาหารมันฝรั่งหวาน: 1.38 mg Fe ต่อ อาหาร 100 กรัม, Leek 0.7 mg ของ Fe ต่ออาหาร 100 กรัม, เนื้อลูกวัวลีน: 2.4 mg ของ Fe ต่ออาหาร 100 กรัมไก่: 2 mg ของ Fe ต่อ 100 กรัมของอาหาร; เนื้อแกะ Lean: 2.2 mg ของ Fe ต่อ 100 กรัมของอาหาร ถั่วแดง: 7.1 mg Fe ต่อ 100 กรัมอาหารมะละกอ: 0.8 mg Fe ต่อ 100 กรัมอาหารพีชสีเหลือง: 2.13 mg Fe ต่อ 100 กรัมอาหารแพงแพงพวย: 2.6 mg Fe ต่อ อาหาร 100 กรัม
Baby Iron Need (RDA)
ความต้องการธาตุเหล็กของทารกเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่ออายุได้ 6 เดือน
- ทารกตั้งแต่ 0 - 6 เดือน: 0.27 มก. ทารกตั้งแต่ 7 ถึง 12 เดือน: 11 มก
มันเป็นไปได้เฉพาะกับอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กในการเข้าถึงและจัดหาความต้องการธาตุเหล็กของทารกทุกวัน แต่เป็นเรื่องปกติที่จะแนะนำการเสริมธาตุเหล็กในหยดเพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
ความต้องการธาตุเหล็กของทารกเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเขาอายุ 6 เดือนนับตั้งแต่ 0 ถึง 6 เดือนนมแม่ก็เพียงพอที่จะให้ความต้องการเหล็กประมาณ 0.27 มก. ต่อวันเนื่องจากเขามีเหล็กสำรองตามธรรมชาติ สำหรับขั้นตอนของชีวิตนี้ แต่เมื่อมันมีอายุหกเดือนจนถึงปีแรกการพัฒนาที่รุนแรงของมันต้องใช้เหล็ก 11 มิลลิกรัม ต่อวัน ดังนั้นเมื่อถึง 6 เดือนหรือเมื่อคุณเริ่มเปลี่ยนอาหาร เป็นเรื่องปกติที่กุมารแพทย์จะสั่งการเสริมธาตุเหล็ก
วิธีเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
การเติมน้ำส้มหนึ่งช้อนโต๊ะลงในครีมผักหรือซุปทารกจะช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กในผักมากขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในปริมาณมาก แต่การดูดซึมของมันจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีวิตามินซีเท่านั้น ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในอาหารจากสัตว์ (ไข่แดงเนื้อ) ไม่จำเป็นต้องดูดซึม แต่ไม่แนะนำให้นำเนื้อมากกว่า 20 กรัมให้ทารกต่อวันดังนั้นจึงไม่สามารถให้ธาตุเหล็กจำนวนมากได้.
ลิงค์ที่มีประโยชน์
- ความจุกระเพาะอาหารของทารกจะรู้ได้อย่างไรว่าทารกกินดีหรือไม่ให้อาหารทารกตั้งแต่ 0 ถึง 12 เดือน